windows 8.1 เบื่องต้น

 วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ Windows ประวัติ Windows ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน Windows แต่ละรุ่นหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกัน

Windows 1.0           
      วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1985 เป็น Windows รุ่นแรก ซึ่งยังไม่ได้รับความนิยม โดยแรกเริ่มถูกเรียกว่า Interface Manager แต่สุดท้ายทางไมโครซอฟท์ก็เลือกที่จะใช้ชื่อ Windows แทนเนื่องจากเรียกและจดจำได้ง่ายกว่า




Windows 1.0




Windows 1.0

Windows 2.0
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1987 เป็นการนำ Windows 1.0 มาพัฒนาใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นแรก เริ่มมีนักพัฒนาหลายรายพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้บน Windows 2.0
Windows 2.0


Windows 2.0
Windows 3.0
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 1990 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของ Windows ที่ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก รองรับ 16 สี อินเทอร์เฟซถูกพัฒนาให้มีสีสันดูน่าใช้งานมากกว่าเดิม และได้ออก Windows 3.1 ตามมาในปี 1992 ที่ทำให้ Windows กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่คนใช้กับแพร่หลายมากที่สุด

Windows 3.0




Windows 3.0

Windows NT
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1993 เป็นรุ่นที่พัฒนามาสำหรับใช้ในกลุ่มองค์กรและธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งในภายหลังได้ออกรุ่นใหม่ ๆ มาในช่วงเดียวกับ Windows สำหรับใช้ในบ้านแต่ละรุ่น

วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1993 เป็นรุ่นที่พัฒนามาสำหรับใช้ในกลุ่มองค์กรและธุรกิจต่าง ๆ 
โดยเฉพาะ ซึ่งในภายหลังได้ออกรุ่นใหม่ ๆ มาในช่วงเดียวกับ Windows สำหรับใช้ในบ้านแต่ละรุ่น

Windows NT


Windows 95
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 1995 ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดย Windows 95 รองรับสีแบบ 32 บิต และรองรับ Multitasking อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึั้นมา รวมทั้งการนำเสนอปุ่ม Start และ Taskbar เป็นครั้งแรก

Windows 95




Windows 95




Windows 98
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1998 เป็นรุ่นที่พัฒนามีให้เหมาะกับการใช้ทำงานและใช้เพื่อความบันเทิงในบ้าน อินเทอร์เฟซคล้ายกับ Windows 95 แต่มีสีสันมากกว่าเดิม พร้อมกับการมาครั้งแรกของแถบ Quick Launch สำหรับเปิดโปรแกรมอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิด Start Menu


Windows 98



Windows 98
Windows 2000 Professional
          วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2000 เป็นรุ่นที่พัฒนามาด้วยโค้ดเคอร์เนลเดียวกับ Windows ตระกูล NT ออกแบบมาเพื่อใช้ในกลุ่มองค์กรหรือธุรกิจ มีการพัฒนาให้รองรับระบบเครือข่ายและมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น


Windows 2000 Professional

Windows Me
          วางจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายน 2000 ตัวย่อ Me ย่อมาจาก Millennium Edition เป็น Windows สำหรับใช้งานภายในบ้านรุ่นสุดท้ายที่จะใช้โค้ดเคอร์เนลแบบเดียวกับ Windows 95 และ 98 ในการพัฒนา มีการพัฒนาให้รองรับสื่อบันเทิงต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่า Windows 98


Windows Me



Windows Me
Windows XP
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2001 เป็น Windows รุ่นที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด เนื่องจากอินเทอร์เฟซที่ถูกพัฒนาให้สวยงามกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างก้าวกระโดด ปุ่ม Start สีเขียว Taskbar สีฟ้าสดใส พร้อมทั้งระบบที่มีความเสถียรและปลอดภัย สามารถอัพเดทตัวเองได้ มีโปรแกรมรองรับมาก โดย Windows XP เป็นรุ่นที่แรกใช้โค้ดเคอร์เนลตระกูล NT พัฒนาออกมาทั้งรุ่น Home Edition สำหรับใช้ในบ้าน และ Professional สำหรับใช้ในธุรกิจ และออกเวอร์ชั่น 64 บิต ตามมาในปี 2005




Windows XP





Windows XP

Windows Vista
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2007 อินเทอร์เฟซที่ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยเน้นไปที่หน้าต่างแบบกึ่งโปร่งใส มองเห็นทะลุได้ ดูคล้ายกระจก ปุ่ม Start ถูกเป็นเปลี่ยนลูกแก้วโลโก้ Windows พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านรักษาความปลอดภัยมากกว่าเดิม แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับ Windows XP

Windows Vista




Windows Vista

Windows 7
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2009 ยังคงใช้อินเทอร์เฟซแบบกึ่งโปร่งใสคล้ายกับ Windows Vista รองรับการใช้งานแบบระบบสัมผัสหน้าจอ พร้อมทั้งการมาของ Taskbar รูปแบบใหม่ที่แสดงเป็นไอคอนโปรแกรมขนาดใหญ่กว่าเดิม สามารถปักหมุดโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำไว้บน Taskbar ได้ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และทำให้ผู้ใช้ Windows XP หลายคนตัดสินใจที่จะอัพเกรดมาใช้ Windows 7



Windows 7





Windows 7
  Windows 8
          วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2012 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อินเทอร์เฟซถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบเรียบสไตล์ Metro ปุ่ม Start และ Start Menu หายไป แทนที่ด้วย Start Screen แบบเต็มจอ การใช้งานถูกแบ่งออกเป็นโหมด Desktop ปกติเหมือน Windows รุ่นก่อน ๆ กับโหมด Metro สำหรับใช้งานแอพพลิเคชั่นบน Windows Store แบบเต็มจอ รองรับการใช้งานระบบสัมผัสเต็มรูปแบบ มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกใจกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและเลือกที่จะใช้ Windows 7 ต่อไป โดยในปี 2013 ไมโครซอฟท์ได้ออก Windows 8.1 ที่นำปุ่ม Start กลับมา พร้อมทั้งปรับปรุงระบบอีกเล็กน้อย


Windows 8

Windows 8.1



Windows 8.1

Windows 10
          เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2014 เป็น Windows รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทางไมโครซอฟท์ได้ข้ามชื่อ Windows 9 ไป สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ อินเทอร์เฟซโดยรวมคล้ายกับ Windows 8 แต่โปรแกรมและแอพฯ ต่าง ๆ สามารถใช้งานได้ทั้งโหมด Desktop และโหมด Tablet ไม่แยกออกจากกันเหมือน Windows 8 อีกแล้ว พร้อมทั้งการกลับมาของ Start Menu สำหรับการใช้งานแบบโหมด Desktop โดยจะวางจำหน่ายในปี 2015



Windows 10 



Windows 10 


มีอะไรใหม่ใน Windows 8.1 
Windows 8.1 โดยจะรวมคุณลักษณะใหม่ๆ การป้องกันด้านความปลอดภัยล่าสุด รวมถึงโปรแกรมควบคุมและซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด Windows 8.1  รวมการปรับปรุงต่างๆ เพื่อให้ใช้งาน Windows ได้อย่างคุ้นเคยและสะดวกยิ่งขึ้นในอุปกรณ์ที่ใช้การป้อนข้อมูลด้วยการสัมผัสและเมาส์ อีกทั้งเพื่อให้บริการ Windows ในอุปกรณ์หลากหลายชนิดยิ่งขึ้นเพื่อให้คุณมีตัวเลือกมากขึ้นWindows 8.1รวมการปรับปรุงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพเอาไว้ด้วย และจะต้องติดตั้งลงในพีซีเพื่อให้รับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยอื่นๆ ในอนาคตสำหรับ Windows 8.1

เข้าถึงแอปและการควบคุมด้วยแป้นพิมพ์ที่คุณชอบใช้ได้ง่ายขึ้นปุ่ม 'เปิด/ปิดเครื่อง' และปุ่ม 'ค้นหา' บนหน้าจอเริ่ม ปุ่มเหล่านี้จะปรากฏขึ้นที่มุมบนขวาของหน้าจอเริ่ม ติดกับรูปภาพประจำตัวของคุณ คุณจะสามารถปิดเครื่องพีซีได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย หรือค้นหาสิ่งต่างๆ จากหน้าจอเริ่มได้ทันที (พีซีบางชนิดไม่มีปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง บนหน้าจอเริ่ม คุณสามารถปิดเครื่องพีซีโดยใช้ปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง ในทางลัดการตั้งค่าแทนได้) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ การปิดเครื่องพีซี การทำให้พีซีเข้าสู่โหมดสลีป หรือการไฮเบอร์เนตพีซีของคุณ และ วิธีการค้นหา

ปุ่ม 'ค้นหา' และปุ่ม 'เปิด/ปิดเครื่อง' บนหน้าจอเริ่ม

·         แอปที่เปิดและแอปที่ปักหมุดไว้ทั้งหมดจะปรากฏในแถบงาน ถ้าคุณชอบใช้เดสก์ท็อป คุณจะเห็นทั้งเดสก์ท็อปแอปและแอปจาก Windows Store ในแถบงานขณะที่แอปเหล่านั้นทำงาน นอกจากนี้ คุณสามารถปักหมุดแอปใดๆ ไว้ที่แถบงานเพื่อเปิดและสลับระหว่างแอปต่างๆ จากเดสก์ท็อปได้อย่างรวดเร็ว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ วิธีการใช้แถบงาน

แอปอยู่ในแถบงาน
·         เข้าถึงแถบงานได้จากทุกที่ เมื่อใช้เมาส์ คุณสามารถเห็นแถบงานได้จากทุกหน้าจอ รวมถึงหน้าจอเริ่มหรือแอปใน Windows Store ย้ายตัวชี้เมาส์ลงให้เลยขอบล่างของหน้าจอเพื่อแสดงแถบงาน แล้วคลิกแอปที่ต้องการเปิดหรือสลับไปใช้งาน
·         ไปที่เดสก์ท็อปเมื่อลงชื่อเข้าใช้แทนการไปที่หน้าจอเริ่ม ถ้าคุณใช้เดสก์ท็อปบ่อยกว่า คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้ (เริ่มต้นระบบ) สู่เดสก์ท็อปได้โดยตรงแทนที่จะไปยังหน้าจอเริ่ม และถ้าต้องการลงชื่อเข้าใช้ไปยังหน้าจอเริ่มแทน คุณก็สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ตลอดเวลา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ เดสก์ท็อป
ตัวเลือกเมาส์และแป้นพิมพ์ที่คุ้นเคยยิ่งขึ้น

·         เมาส์สามารถเรียกใช้ปุ่ม 'ย่อเล็กสุด' ปุ่ม 'ปิด' และแถบงานได้มากขึ้น เมาส์จะทำงานได้อย่างสม่ำเสมอยิ่งขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดใน Windows ย้ายตัวชี้เมาส์ไปที่ด้านบนของหน้าจอเพื่อดูปุ่ม ปิด และ ย่อเล็กสุด ในแอปใดๆ ย้ายตัวชี้เมาส์ลงมาที่ด้านล่างของหน้าจอเพื่อดูแถบงานจากตำแหน่งใดๆ ใน Windows สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ ฉันจะปิดแอปได้อย่างไ และ วิธีการใช้แถบงาน



ปุ่ม 'ปิด' และปุ่ม 'ย่อเล็กสุด'

·         คลิกขวาที่ไทล์แอปเพื่อดูตัวเลือกเพิ่มเติม ถ้าคุณใช้เมาส์และคลิกขวาที่ไทล์บนหน้าจอเริ่ม คุณจะเห็นเมนูบริบทปรากฏขึ้นติดกับไทล์เพื่อแสดงสิ่งที่คุณสามารถทำได้กับไทล์นั้น



เมนูบริบทเมื่อคุณคลิกขวาที่ไทล์
ค้นหาแอปใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
·         ค้นหาแอปด้วยวิธีใหม่ๆ ตามค่าเริ่มต้นแล้ว Windows Store จะถูกปักหมุดไว้ที่หน้าจอเริ่มและที่แถบงานเพื่อให้คุณค้นหาแอปใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดาย เมื่อคุณใช้ทางลัดการค้นหา ระบบค้นหาอัจฉริยะของ Bing จะรวมแอปต่างๆ ไว้ในข้อเสนอแนะการค้นหาและในผลลัพธ์การค้นหา

·         จดจำแอปที่คุณติดตั้งล่าสุด หลังจากติดตั้งแอปใหม่ หน้าจอเริ่มจะมีข้อความที่มุมล่างซ้ายของหน้าจอที่จะนำคุณไปยังมุมมองแอปเพื่อให้เห็นแอปที่ติดตั้งล่าสุด


ข้อความเกี่ยวกับแอปใหม่บนหน้าจอเริ่มเลือกใช้พีซีและอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น

ถ้าคุณต้องการซื้อพีซีเครื่องใหม่ Windows 8.1 สามารถทำงานได้ในอุปกรณ์หลากหลายชนิด คุณจึงมีอุปกรณ์ให้เลือกซื้อได้เพิ่มขึ้น รวมถึงแท็บเล็ตและแล็ปท็อปราคาย่อมเยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูรายการพีซี Windows ของเรา



การติดตั้ง windows 8.1

การติดตั้ง Windows 8.1 USB
1. ขั้นตอนแรกให้เอาแผ่น DVD ใส่ใน DVD-ROM จากนั้นทำการ Boot คอมพิวเตอร์
 เราต้องทำการปรับให้คอมพิวเตอร์เรา Boot DVD  เป็นอันดับแรก โดยการเข้าไปปรับใน BIOS หรือว่าจะทำการกด F12/F10 ตอน Boot ก็ได้ (ตอนทำการ Boot คอมพิวเตอร์ หน้าจอคอมพิวเตอร์จะบอกว่าปุ่มอะไรเข้าไปทำการตั้งค่า Setup ใน BIOS) จากนั้นให้เลือก Boot จาก DVD เป็นอันดับแรก
สำหรับคนที่ทำการลง Windows 8.1 ด้วย USB ก็ให้ทำการเลือก Boot เป็น USB อันดับแรกในการติดตั้ง Windows
หรือถ้าไม่อยากปรับก็ให้ทำการกดปุ่ม F12 / F10 หรือเมนูบนหน้าจอตอน Boot คอมพิวเตอร์จะมีบอกว่าปุ่มของการทำ Boot option จะต้องกดอะไร

2. เมื่อมีข้อความ Press any key to boot from CD or DVD… ให้กด Enter ไป 1 ครั้ง

3. เราก็จะเห็น Logo Windows 8.1
4. จากนั้นให้ทำการเลือกตามภาพ
Language to install : English
Time and Currency format : English

Keyboard or input method : US

5. กด Install Now

6. เลือก I accept the license terms


7. เลือก Custom : install windows only


8. ขั้นตอนนี้แบ่งเป็น 2 กรณี
กรณีแรก คอมพิวเตอร์ใหม่ยังไม่มีระบบ OS : ให้ทำการแบ่ง Partitions ของ Disk เราก่อน โดยการกด New แล้วเลือก จำนวน Drive C: ที่เราอยากได้ โดยแนะนำว่า Drive C ควรตั้งประมาน 100GB (102400 MB)
Advertisements

1 GB = 1024 MB ตัวอย่าง ถ้าเราต้องการ Drive C 100GB ก็ให้ใส่ไป 1024 x 100 = 102400 MB ดูดีๆนะหน่วยให้ใส่เป็น MB


กรณีสอง กรณีจะลง Windows ใหม่ ซึ่งมี Windows เก่าลงอยู่แล้ว : ให้เลือกไปที่ Drive C หรือ Disk ที่เป็น OS เดิม จากนั้นกด Format ก่อนนะครับ แล้วกด Next เลยครับ
9. จากนั้นรอการติดตั้ง Windows 8.1

เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ คอมพิวเตอร์จะทำการ Restart ตัวเอง 1 รอบ โดยเราก็ไม่ต้องทำอะไรเลยครับ ปล่อยให้มันผ่านไปเข้าขั้นตอนที่ 10








10. ให้เลือกสีพื้นหลัง และชื่อ PC Name

11. กด Use Express Settings

12. ในข้อนี้
กรณีคอมพิวเตอร์ไม่ได้ต่อ Internet ตอนติดตั้ง: ให้กด Create a local account
กรณีคอมพิวเตอร์ต่อ Internet ตอนติดตั้ง : ให้ Sign in ด้วย Account Microsoft
โดยส่วนมากผมจะเลือกที่จะไม่เลือกต่อ Internet ตอนติดตั้งเพราะจะได้ใช้ Local User Computer

ในที่นี้ผมเลือกที่ไม่ได้ต่อ Internet ตอนติดตั้งผมก็จะเลือก Create a local account จากนั้นทำการใส่ Username / Password ลงไป

13. คลิก Sign in without a Microsoft Account

14. ทำการกรอก
User name : ทำการใส่ชื่อของเราลงไปที่จะทำการ Login คอมพิวเตอร์
Password : ทำการกรอกรหัสผ่าน
Reenter Password : ทำการกรอกรหัสผ่าน เหมือนด้านบน

Password Hint :  ทำการกรอกรหัสผ่าน โดยห้ามเหมือนด้านบน ใช้ในกรณี Password ด้านบน

15. จากนั้นรอไม่เกิน 1 นาที ระบบจะทำการ Run Wizard Windows 8.1 ให้และจะเข้าสู่หน้าจอของ Modern UI Windows 8.1

16. เรียบร้อยเสร็จสิ้นการติดตั้ง Windows 8.1

เมื่อทำการติดตั้ง Windows 8.1 เป็นที่เรียบร้อย ก็แนะนำให้ทำการ ติดตั้ง Drivers ต่างๆตามที่เราได้ดาวน์โหลดมาตามยี่ห้อนั้นๆ เช่น Drive LAN / Wireless , Drive VGA โดยให้ดูรุ่น Notebook , PC แล้วเข้าไปดาวน์โหลดตามยี่ห้อที่เราใช้คอมพิวเตอร์อยู่นั้นเองวิธีการสอนลง Windows 8.1 นั้น ที่ผมสอนเป็นไงมั้งครับ ง่ายใช่ไหมละครับ ใครๆก็ลงได้ครับ จะได้ไม่ต้องไปเพิ่งช่างคอมพิวเตอร์ในการลงครับ ซึ่งอย่างที่ผมบอกแนะนำว่าให้ทำการอ่านบทความวิธีการลง Windows 8.1 ก่อนรอบหนึ่ง แล้วค่อยทำการติดตั้งเอง



เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ windows 8.1
1. บูทเดสก์ท็อป

วิธีนี้จะเป็นการบูทหน้าเดสก์ท็อปขึ้นมาหลังจากเปิดเครื่อง แทนที่จะบูทหน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro)

ขั้นตอน: 1. ไปที่หน้า Desktop >> 2. ครั้งขวาที่ taskbar และเลือก 'Properties' >> 3. เลือกหัวข้อ Navigation tab >> 4. ให้ติ๊กที่ 'Go to the desktop instead of Start when I sign in'

2. ค้นหาแอพพลิเคชั่น

หน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) เมื่อเลื่อนไปส่วนของแอพพลิเคชั่น จะมีลูกศรเล็กๆ มุมซ้ายล่างให้คลิก เข้าไปจะแสดงข้อมูลแอพโดยจะเปลี่ยนเป็นเรียงตามชื่อตัวอักศร
3. เปลี่ยนพื้นหลังได้หลากหลาย

สามารถปรับเปลี่ยนพื้นหลังของหน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) กับเดสก์ท็อปให้เหมือนกันได้หรือจะเปลี่ยนเป็นรูปอีกก็ได้

4. ปิดเครื่องอย่างเร่งด่วน

ตัววินโดว์ 8.1 จะมีออฟชั่นใหม่ขึ้นมาโดย คลิกที่ขอบมุมซ้ายบนเดสก์ท็อป ซึ่งจะมีเมนูใหม่ขึ้นมา สามารถเลือก Shutdown ได้ทันที

5. เปิด-ปิดตัวค้นหาอันแสนอัจฉริยะ Bing

วิธีนี้จะช่วยค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยตัวค้นหาอันแสนอัจฉริยะ แต่เมื่อไม่ต้องการ ก็สามารถปิดมันได้เช่นกัน
โดยให้เปิด Settings charm ขึ้นมาแล้วเลือกที่ 'Change PC settings >> Search and apps >> Search' จากนั้นปรับ Off ตรง Bing ครับ

6. ปรับขนาดแอพบนหน้าจอสตาร์ท

วิธีนี้สามารถปรับขนาดของแอพบนหน้าจอสตาร์ทได้ด้วย โดย 1. คลิกขวาบนกรอบแอพที่ต้องการ 2. เลือก Resize จากนั้นเลือกขนาดที่ต้องการ

7. ล็อคหน้าจอสไลด์โชว์

สามารถทำหน้าล็อคหน้าจอให้เป็นแบบสไลด์โชว์ได้โดย เลือก Setting >> PC and devices >> Lock screen

8. ตั้งชื่อกรุ๊ป

สามารถตั้งชื่อกรุ๊ปแอพต่างๆ บนหน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) ได้โดยการ คลิกขวาที่หน้าจอสตาร์ท >> เลือก Customise to bring up the labels

9. ปรับขนาดหน้าจอ

ปรับหน้าจอได้ทันทีที่หน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) โดยไม่ต้องเข้าไปที่เดสก์ท็อป หรือคอนโทรลพาเนลเลย
ขั้นตอน: 1. คลิกที่ 'Settings' >> 2. เข้าไปที่ 'Change PC settings' และเลือก 'Display'

10. เอา Hot Corner ออก

วิธีนี้ถ้าไม่ต้องการแถบเครื่องมือที่อยู่ด้านขวาของเทสก์ท็อป ก็สามารถนำมันออกไปได้เช่นกัน
โดยไปที่ 1. 'Setting' >> 2. 'PC and devices' >> 3. 'Corners & edges'

11. IE11 โหมด Reading View

Internet Explorer 11 หรือเรียกว่า IE11 จะติดมาพร้อมกับวินโดว์ 8.1 ซึ่งจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม หนึ่งในนั้นคือโหมด Reading View
สามารถเข้าใช้ได้โดย คลิกที่ ไอคอนหนังสือ บนฝั่งขวาของ  Address bar

12. การใช้งานแอพพร้อมกัน

ในวินโดว์ 8.1 นี้สามารถเปิดใช้แอพพร้อมกันโดยแบ่งหน้าจอไว้ที่ตรงกลางได้แล้ว 

13. การเก็บข้อมูลไปที่ SkyDrive

ขั้นตอน: 1. เปิด Change PC Settings screen >> 2. เข้าไปที่ SkyDrive และเลือกเมนู Files

14. แถบ Libraries Link

ในวินโดว์ 8.1 จะไม่โชว์แถบ Libraries Link มาเหมือน วินโดว์ 7 แต่ยังสามารถนำมันกลับมาได้เช่นกัน
ขั้นตอน: 1. เปิดเมนู View >> 2. คลิกที่ Navigation pane และเลือก 'Show Libraries'

15. นาฬิกาปลุกอัจฉริยะ

นาฬิกาปลุกที่สามารถตั้งได้หลายเวลา และกำหนดเสียงปลุกเองได้

16. เครื่องคิดเลขอัจฉริยะ!

เครื่องคิดเลขที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นกับฟังชั่นใหม่ๆ

17. อัพเดทแอพพลิเคชั่นอัตโนมัติ

ไม่จำเป็นต้องมานั่งกดอัพเดทเองอีกแล้ว วินโดว์ 8.1 เขามีฟังชั่นคุณชายมานำเสนอ ซึ่งจะช่วยอัพเดทแอพให้อัตโนมัติ
สามารถเปิด-ปิด การใช้งานได้ใน Setting บน Store App

18. การเปิดใช้ System Image Backup

ขั้นตอน: 1. เข้าไปที่ Desktop >> Control Panel >> 2. เข้า System and Security และเลือก File History pane
เมื่อทำการเปิดแล้ว System Image Backup link จะปรากฏตรงมุมซ้ายมือด้านล่าง

19. แอพแต่งภาพ

แอพแต่งภาพที่มาพร้อมกับฟังชั่นช่วยแต่งภาพ ที่ช่วยให้ทำงานสะดวกมากขึ้น

20. แอพช่วยเหลือ



 21.ตั้าค่าหน้านอไม่ให้ดับ

  คลิกขาวที่ ไอคอน แบตเตอรรี




เลือก ”ตัวเลือกการใช้งานพลังงาน”






เลือกเปลี่ยนแปลงเวลาที่คอมพิวเตอร์เข้าสู่โหมดสลีป


จากนั้นเลือก ”ไม่ต้อง”
  บันทึกการเปลี่ยนแปลง


1 ความคิดเห็น: